แบกเป้เที่ยวเชียงใหม่ตามใจอยาก 2

วันที่ 2 เชียงใหม่ - ม่อนแจ่ม - ขุนช่างเคี่ยน - ดอยอินทนนท์


วันที่สองของการท่องเที่ยวเรามีเพื่อนร่วมทางอีกหนึ่งคนค่ะ พอตี 5 กว่าๆ เพื่อนร่วมทางอีกคนก็โทรมาให้ไปรับที่อาเขต โอ้ยวันนี้ อุณหภูมิ 13 องศา โอ้ยแม่เจ้าขนาดห้องพัดลม ยังต้องปิดพัดลม เพราะความเย็นมันทะลุทะลวงเขามายังในห้อง และแล้วก็ต้องออกเดินทางไปรับเพื่อนที่อาเขต (ขี่มอเตอร์ไซต์ไป อยากบอกว่า เชียงใหม่หนาวมาก ฮาๆๆๆ)


พอไปรับเพื่อนที่ อาเขต เสร็จก็สักประมาณ 6 โมงเช้า แต่ฟ้ายังอึมคึมอยู่เลย บรรยากาศน่านอนมาก และแล้วก็ต้องผ่าน ตรง "สามกษัติย์" และเมื่อตอนมาเชียงใหม่ครั้งแรก พ่อของเพื่อนเคยพามากินตอนนี้เราก็ต้องนำเสนอเพื่อนเราอีกสองคนที่มาด้วยกันว่าร้านนี้ อร่อยชื่อดังมาก "เกียรติโอชา" และแล้วก็กินกันไปคนละจาน จานละ 30 บาท ค่ะ แต่เราว่าน้อยมาก น้อยกว่าแต่เมื่อก่อนประมาณ 5-6 ปีที่แล้วมาก 


พอกินเสร็จก็ต้องหนีอากาศหนาวววไปหาที่อุ่นๆๆ ก็คือการกลับไปยังที่พักของเรา นอนซุกใต้ผ้าห่ม อุ่นดีจริงๆๆ และแล้วก็เป็นเวลา 7 โมงกว่าลำแสงอุ่นๆของเราเริ่มพาดผ่านส่องแสงมาทางหน้าต่างห้องเราพอดิบพอดีเลย ก็อุ่นขึ้นอุ่นขึ้น และแล้วเราก็ดันไปเปิดแผนที่ขึ้นมาว่าวันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนดีหนอ และแล้วเราก็เห็นโฆษณาบนแผนที่ว่า บ้านเกาหลี เป็นอาหารเกาหลี และโดยความชอบของสามสาวที่บ้าบอเกาหลี ก็เลยตกลงปรงใจโดยไม่รีรอ โอเคเช้านนี้เราไปร้านนี้กัน 


ในที่สุดล้อรถมอเตอร์ไซต์เราก็หมุน วนอยู่ประมาณ 2-3 รอบได้ค่ะ แต่เราก็เจอะ
ทางร้านมีเกสท์เฮ้าส์ด้วยน่ะค่ะ ก็มีตั่งแต่ราคา 600-100 บาทค่ะ คนเกาหลีมากินร้านนี้เยอะค่ะ เพราะแม่ครัวก็เป็นเกาหลีค่ะ ท๊อคเกาหลีกันกระจายพี่ไทยอย่างเราสามคนก็ได้นิดหน่อย อิอิ แต่ไม่รู้ว่าเขาคุยไรกัน


เราสั่งไปสามเมนูยอดฮิตที่คนไทยจะต้องกินคือ บิบิมบับ ต๊อกโบ๊กกิ กิมจิชิเก ค่ะแค่นี้ก็กินไม่หมดค่ะ และก็เผ็ดเกินความต้องการของเราเป็นอย่างมาก เผ็ด เผ็ด เผ้ด เผ็ด ซีดสุด (แต่เรดี้ทั้งสามในที่นี้ไม่กินเผ็ดอย่างแรง)ถ้าใครจะไปทานก็บอกทางร้านน่ะค่ะว่าไม่ต้องเผ็ดมาก






อ่อลืมบอกไปค่ะว่าอยู่แถวถนนช้างคลานน่ะค่ะ อยู่ในซอยเขาไปนิดนึงค่ะ จุดเด่นคือจะมีร้านแฮมเบอร์เกอร์อยู่ตรงข้างหน้าปากซอยค่ะ เข้าไปสักประมาณ 100 เมตรน่ะค่ะ มื้อนี้จ่ายไปคนละประมาณ 165 บาทค่ะ อร่อนสไตล์เกาหลี เกาหลีค่ะ


พอกินเสร็จก็ต้องหาที่พักพิงในคืนที่สองของการอยู่ที่เชียงใหม่ พอออกจากร้านก็วนดูพวกเกสท์เฮ้าส์ ในที่สุดเราก็เจอะป้าย 450บาท /คืน เราเลยแวะ ค่ะ วันนี้เราเลยได้ที่พักที่ "Western House Hotel" อยู่ไม่ไกลจากที่พักเก่าของเราเลย 


โรงแรมอยู่ข้างหลัง วัดหม้อคำตวง กำแพงวัดจะประดับด้วยอะไรก็ไม่รู้ค่ะแต่แว๊บวับบบบมากสังเกตุง่ายมากค่ะ
พอเอาสัมภาระเข้ามายังที่พักเราก็พักผ่อนเอาแรงเพื่อนไปต่อสู้กับงานพืชสวนโลกกันค่ะ
แต่ก่อนที่เราจะเริ่มต้นไปงานพืชสวนโลกเราต้องเอาอาหารลงท้องก่อนค่ะ เพื่อนที่อยู่ที่เชียงใหม่แนะนำว่ามีร้านก๋วยจั๋บอร่อยอยู่ร้านนึง ตรงข้ามประตูหอศิลป์เลยค่ะ ชื่อร้านว่าก๋วยจั๋บน้ำข้น รสชาติจะมีรสเผ็ดของพริกไท อย่างเห็นได้ชัด และจะมีเครื่องในและหมูกรอบชิ้นใหญ่ๆ ชามละ 30 บาท กินแล้วรู้สึกร้อนท้องกันเลยทีเดียวค่ะ
พอกินก๋วยจั๋บเสร็จก็ได้เวลาออกเดินทางมุ่งหน้าสู่งานพืชสวนโลกกัยเลยค่ะ


เราเอารถไปจอดไว้ที่ตลาดวโรรสเพื่อจะไปยังจุดขึ้นรถของงานพืชสวนโลก และแล้วเพื่อนเราก็ไปโปรกรถแดงคันนึงไอ้เราก็ห้ามแล้วว่ายังไม่ตกลงราคาอย่าไปขึ้นอันนี้ด้วยความนะ...ของเพื่อนเรา(แอบไม่พอใจเล็กน้อย) ในที่สุดเขาก็คิดเราไปคนละ 40 บาท
ค่าเข้าชมงานพืชสวน 200 บาทค่ะ ค่ารถรากทั่วงานอีก 50 บาท ค่ะ





















ในที่สุดภาระกิจของเราก็หมดลงกับงานพืชสวนโลก(เป็นอะไรที่เหนื่อยมากเลยค่ะ นั่งรถกลับมาแถบจะหลับกานคารถเลยทีเดียว) กลับมาถึงห้องก็พักผ่อนกันนิดหน่อยแล้วก็ออกไปแสวงหาเค้กกินกันที่ ถนนนิมมาน ค่ะ มองบลังค์ นิมมานต์9 เราว่าร้านค่อนข้างจะหายากไปนิดนึงเพราะป้ายร้านเล็กมากและยังโดนกิ่งไม้บังไว้อีก ขับรถวนหาร้านจนอารมณ์เสียกันเลยทีเดียว ที่แท้อยู่ข้างร้านแบล็คแคนยอน ตรงนิมมานต์ 9 เลยค่ะ เป็นเค้กฝรั่งเศส สไตล์ญี่ปุ่นค่ะ ราคา ตั่งแต่ชิ้นละ 60-80บาท รับรองว่าอร่อยค่ะ แต่เราว่าเค้กเขาหวานไปสำหรับเรา (เพราะเราไม่ค่อยชอบกินหวานน่ะค่ะ อิอิ)
ปล.เราไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยยืมรูปจากเพื่อนเรามาน่ะค่ะ




เค้กของมองบลังค์ ชิ้นเล็ก กระทัดรัด ค่ะกินพออิ่มไม่เลี่ยนค่ะ ในที่สุดก็หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือค่ะ เห็นปะค่ะ รับรองความอร่อย อิอิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่นิยม