อยากเที่ยว : Aloha Traveller Have Fun: แบกเป้ท่อง เวียงจันทร์,หลวงพระบาง ตอนที่ 4

แบกเป้ เที่ยว ลาว ชิวๆ ตอนที่ 4

เอาล่ะค่ะเช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาในเมืองหลวงพระบางกันค่ะ เช้านี้เราเตรียมตัวออกท่องเที่ยวกันก็ประมาณ 6 โมงเช้าพอดี๊เลยค่ะเพราะพนักงานมาเคาะประตู ก๊อก ก๊อก "ตักบาตรได้แล้วครับอิอิ"(แต่เมื่อคืนฝนตกทั้งคืนกันเลยทีเดียว)ฝนก็ยังคงเหลือมาถึงตอนเช้าฝนตกพรำๆๆ ชวนโมโห เราก็เดินไปที่ที่พนักงานเตรียมเอาไว้ให้ ก็จะมาผ้าเฉียง เหมือนผ้าสไบ บ้านเราน่ะค่ะ(มียายแก่ๆมาผูกให้เพราะเราผูกไม่เป็น อิอิ) มีเสื่อหนึ่งผืน เกาอีตัวเตี้ยๆหนุ่งตัว มีกระจาดขนมหนุ่งอัน แย้วก็ กระติ๊บข้าวเหนียว อีกหนึ่งอัน ราคาประมาณ 250บาท

ก่อนพระท่านจะมาเราก็เห็นกลุ่มคุณยายนั่งกลางร่มกันเป็นทีมเลยทีเดียว แต่อยากจะบอกว่าข้าวเหนียวร้อนมากมาย จับใส่บาตรพระไม่ทันกันเลยทีเดียว พระท่านก็เหมือนยืนบนสายพรานไม่เคยรอเราเลย จะเดินดุ่มๆๆอย่างเดียว(อยยากจะบอกว่าเห็นใจนู๋นิดนึงน่ะค่ะ)อิอิ

พอทำการตักบาตรเสร็จก็เดินสำรวจอะไรนิดหน่อยเดินแถวๆๆที่พักน่ะค่ะ แถวที่พักก็มีวัดอยู่สองวัดแล้วค่ะ หลวงพระบางเป้นเมืองแห่งวัด และ วัฒนธรรมมากค่ะ

ภาพนี้ถนนยามเช้าของเมืองหลวงพระบางค่ะ แล้วแถวๆที่พักค่ะ

พอเดินๆๆก็น่ะค่ะตื่นแต่เช้าน้ำย่อยก็เริ่มทำงาน เกิดอาการที่เรียกว่า หิว หิว หิว ก็ต้องไปหาอะไรใส่ท้องให้หนักๆนิดนึงเพื่อสู้ต่อ เราล่ะค่ะ เริ่มเดินหา ก็เดินไปสุดซอยที่เค้าเรียกว่าซอย "จุมม่า" แต่เราก็ไม่รู้เหมือนกานว่าที่จริงเค้าเรียกว่าซอยอาไร พอเดินไปสุดซอยก็จะเจอะแม่น้ำโขงขวางอยู่คือสุดทางเราก็ต้องเลี้ยวขวา เดินไปไม่รู้กี่เมตรเหมือนกานไม่ได้วัดอาค่ะ ก็ประมาณเอาว่า 500 เมตรแล้วกันค่ะ ก้จะเจอะร้ากาแฟ ค่ะด้วยการเรียกร้องของท้องเราเลยต้องแวะเข้าไปอิอิ แล้วก็อยากจะบอกว่า ทั้งหมดทั้งปวง มีร้านนี้เปิดเพียงร้านเดียวมั้งค่ะ แล้วคนก็เยอะอยู่ แม่ค้าพ่อค้า อารมณ์ดีมากมายค่ะ(ชอบๆๆ)

อยากจะบอกว่า อร่อยดีค่ะ แต่โจ๊ก เค้าเหมือน ข้าวต้มบ้านเราเลย น้ำนองเชียว อิอิ พอเราอิ่มท้องเราก็เริ่มออกเดินทางกันเลย โดยการเดินกลับไปยังที่พักเพื่อไปเอาจักรยานค่ะ เช่าไว้แล้วกับที่พัก แต่อยากจะบอกว่าเช่ากับที่พักแพงกว่าเช่าข้างนอกอีก อยากจะฆ่าพนักงานมากมายฮาๆๆๆๆๆ ที่อื่น เค้า20000kib แต่ที่พักตั่ง40000kib อารมณ์เสีย(แต่ก็ช่างเถอะเสียไปแย้วทำไงได้ ฮาๆๆๆ) เราก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ

ที่แรกที่เราไปเค้าเรียกว่า "วัดใหม่"

เสียค่าเข้าชม 10000 กีบค่ะ

ต่อกันเลยค่ะ "พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง" ข้างในจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนค่ะ ก็จะมีโรงละคร พระราชวังเก่า และหอพระบาง

เสียค่าเข้าชม 30000 กีบ

ภาพนี้เป้นพระราชวังเก่าค่ะ ข้างในไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปค่ะ แต่ข้างในก็จะมีห้องนอนของพระราชา กะพระราชินีของ หลวงพระบางค่ะ มีข้าวของเครื่องใช่ภายในวังค่ะ สวยมาก

พอเราเข้าชมพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้วเราก็ปั่นจักรยานกันต่อเลยค่ะและสองข้างทางที่เราปั่นผ่านนั้นก็เต็มไปด้วยร้านอาหาร เราก็เลยแวะสักนิดนึงเพื่อทำให้อิ่มท้องเราเลยแวะร้านนี้เลยค่ะ เปงร้านข้างๆทางแต่รสชาติโอเคค่ะ

พอกินอิ่มเราก็นั่งพักท้องเพื่อจะไปเที่ยวต่อ เราก็เห็นลุงแก่ๆๆที่เป็นชาวต่างชาติเอาตลับไพ่มาถุงนึงเยอะมาก มาแจกเด็กๆ เราก็สงสัยเราก็เลยถามเด็กคนนึงว่า ทำไรค่ะ น้องเค้าบอกว่า ถ้าตั่งไพ่ให้เปงปิรมิต ใครตั้งได้สูงที่สุดจะได้รางวัล

พอนั่งพักเสร็จเราก็ขี่จักรยานลัดเลาะไปเลื่อยๆๆเปื่อยๆๆเราไป แล้วเราก็เจอะ "วัดอาราม"

พอแวะวันดอารามเสร็จเราก็ปั่นไปต่อค่ะ เพราะเราเห็นวัดบนยอดเขาอยู่ไกลๆมากเราหวังว่าจะปั่นไปถึงแต่ท้ายที่สุดเราก็ไปไม่ถึงเพราะเนื่อยค่ะ(ไม่เหนื่อยได้ไง ขี่จักรยานธรรมดาขึ้นเขาน่ะค่ะ ขาล้าหมดเลย ฮาๆๆๆ ที่สนุกดีค่ะ)

พอปั่นจนเหนื่อยเราก็เลยต้องกลับที่พักเพื่อไปตั้งหลักกานสักพักนึงเพราะไม่ไหวจะเครีย ฮา ฮาๆๆๆ คอนแรก เราไปเที่ยวแบบไม่มีแบบแผนว่าจะไปไหนก่อน กลับมาเราเปิดแผนที่เลยค่ะ วงไว้เลยว่าจะไปไหนบ้างไปตามถนนเส้นไหนบ้างพอกลับไปพักหายเหนื่อยก็ได้เวลาออกเดินทางอีกรอบ รอบนี้เรามุ่งเน้นไปวัดที่เป็นมรดกโลกของเมืองหลวงพระบางกันเลยค่ะไม่แวะตามใจฉันเหมือนตอนแรกค่ะ
ต่อไปเราจะพาไป "วัดเชียงทอง" ค่ะ เป็นมรดกโลกของเมืองหลวงพระบาง ระหว่างทางก่อนที่จะไปถึงวัดเชียงทองระหว่างทางเราก็เจอะวัดหลายวัดค่ะและแล้วเราก็มาถึง
เสียค่าเข้า 20000 กีบค่ะ